การดูแลระบบมี 3 ส่วนหลัก:
1. ตรวจสอบประสิทธิภาพการผลิตโดยทั่วไป
- ตรวจสอบประสิทธิภาพการผลิตได้จากระบบเฝ้าระวังที่มาพร้อมอินเวอร์เตอร์ หรือระบบเฝ้าระวังที่ผู้รับเหมาติดตั้งเพิ่มให้
- ตรวจดูว่าไฟที่ผลิตมา “ใช้หมดหรือไม่” ถ้ามีไฟเหลือที่ไม่ได้ใช้ อาจต้องปรับพฤติกรรมการใช้ไฟ หรือปรับขนาดระบบให้เหมาะสม
- ให้ดูค่าที่เรียกว่า PR (Performance Ratio) ซึ่งบอกว่าระบบผลิตไฟได้ดีแค่ไหน ค่ายิ่งสูง แสดงว่าระบบทำงานดี
- หน่วยไฟที่ใช้ไม่หมด (Curtailed Energy) ในบางกรณีกิจกรรมของสถานประกอบการอาจไม่สอดคล้องกับปริมาณพลังงานที่ผลิตได้ ทำให้เกิดค่าเสียโอกาสจากส่วนนี้ สามารถตรวจสอบหน่วยไฟเกินได้ด้วยระบบเฝ้าระวังจากกราฟการผลิตและการใช้ไฟฟ้า
การคำนวน
Performance Ratio (PR):
PR คือ ตัวชี้วัดสากลที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพของระบบ โดยคำนวณจาก:
PR = พลังงานที่ผลิตได้ / (ค่าแสง x กำลังติดตั้ง)
ต้องตรวจสอบให้ระบบมีค่า PR สอดคล้องกับที่ออกแบบไว้
2. ตรวจเช็คและแก้ปัญหา
ระบบอาจเกิดปัญหาที่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง ซึ่งอาจแสดงออกผ่าน:
- ระบบหยุดทำงาน
- แจ้งเตือนจากระบบเฝ้าระวัง
- ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ
- ความร้อนผิดปกติ
- Other
| ปัญหา | วิธีการตรวจสอบ/แก้ไข |
| โวลต์ไฟสูง อินเวอร์เตอร์ตัด | ตรวจสอบแรงดันระบบ |
| สายไฟรั่ว | ตรวจสอบความต้านทานสาย เปลี่ยนสาย/ข้อต่อ |
| แผงผลิตไฟต่ำ | เปรียบเทียบกับสเปค หากต่ำกว่าให้เคลม |
| แผงมีเงาบดบัง | ตรวจช่วงเวลาต่างๆ กำจัดเงา / ย้ายแผง |
| อินเวอร์เตอร์มีแจ้งเตือน | อ่านคู่มือเผื่อหาวิธีแก้ปัญหา |
| จุดเชื่อมต่อร้อน | ใช้กล้องความร้อน ตรวจ และขันน็อตให้แน่น |
3. การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) คือการตรวจสอบระบบตามรายการและระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพหรือเหตุสุดวิสัยก่อนจะเกิดขึ้นจริง
ตรวจสอบปริมาณทางไฟฟ้า
วัดแรงดันกระแส และค่าความต้านทานแต่ละจุด ตั้งแต่แผงบนหลังคาถึงจุดเชื่อมต่อการไฟฟ้า
ตรวจสอบทางกายภาพและทำความสะอาด
ตรวจสอบตู้ไฟ ตู้สื่อสาร และอินเวอร์เตอร์ และทำคววามสะอาด รวมถึงแผงโซลาร์ด้วย
ตรวจสอบจุดความร้อน
ใช้กล้องความร้อนตรวจสอบหาจุดร้อน จะแสดงก็ต่อเพื่อจุดเชื่อมต่อหลสใ เป็นสาเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจนได้
คาริเบรทเซนเซอร์
ตรวจสอบความเที่ยงตรงของเครื่องมือวัด เช่น ไพรานอมิเตอร์และมิเตอร์ไฟโดยการสอบเทียบวัดอุปกรณ์เพื่อความแม่นยำ
