1. เลือกรูปแบบการติดตั้งและประเภทสัญญา
ตัดสินใจเลือกระหว่างลงทุนเอง (Turnkey) หรือให้เอกชนลงทุนให้ (Private PPA)
- Turnkey คือการติดตั้งระบบโดยผู้เชี่ยวชาญครบวงจร ตั้งแต่สำรวจ ออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงดูแลหลังการขาย โดยผู้ประกอบการ เป็นเจ้าของระบบ เองทั้งหมด
- Private PPA คือ หมายถึง การทำสัญญา ซื้อไฟฟ้ากับผู้ให้บริการที่ติดตั้งระบบให้โดยธุรกิจไม่ต้องลงทุนเอง และจ่าย เฉพาะค่าไฟที่ใช้งานจริง ซึ่งจะราคาถูกกว่าซื้อกับทางการไฟฟ้า
2. ประเมินกำลังติดตั้ง (System Sizing)
- ดูจากพฤติกรรมการใช้ไฟ และพื้นที่ติดตั้ง
- โดยทั่วไป พื้นที่ประมาณ 7 ตารางเมตร จะติดตั้งแผงโซลาร์ได้ 1 กิโลวัตต์ (kW)
- วิเคราะห์ขนาดระบบที่เหมาะสม
3. ประเมินความคุ้มทุน
- เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและประโยชน์ที่ได้รับ
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น วิธีประเมินกำลังที่เหมาะสม ด้วยข้อมูลค่าไฟย้อนหลัง
- ระบบโซลาร์ออนกริดสำหรับภาคอุตสาหกรรมคืนทุนได้ใน 4–5 ปี
4. เลือกผู้รับเหมาติดตั้ง
- คัดเลือกบริษัทที่มีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ
- พิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาและการรับประกัน
5. การสำรวจหน้างาน
- ตำแหน่ง GPS: นำ GPS ไปใช้วิเคราะห์ใน PVSyst และวางผังติดตั้งแผง
- ลักษณะหลังคาและเงาบดบัง: วัดพื้นที่หลังคา ดูชนิดหลังคา ตรวจสอบเงาบดบัง ทิศทาง และพื้นที่หลังคา
- ระบบไฟ ระบบสื่อสาร และจุดเชื่อมต่อ: ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อ ผังระบบไฟฟ้าเดิม และระบบสื่อสารเดิม เพื่อออกแบบให้สอดคล้องกัน
- สถานที่ตั้งห้องอินเวอร์เตอร์: กำหนดจุดก่อสร้างห้องอินเวอร์เตอร์และตู้ไฟ
- ใบอนุญาตเดิมของโรงงาน: ตรวจสอบความถูกต้องการขออนุญาตต่อเติมอาคารที่ผ่านมา หากอาคารมีการละเมิดกฎหมาย อาจมีความยุ่งยากในการขออนุญาตใหม่
- โครงสร้างหลังคาเดิม: สำรวจความพร้อมของโครงสร้างหลังคาเดิมสำหรับการติดตั้ง หากไม่พร้อมต้องบวกค่าเสริมหลังคา
6. ตรวจสอบข้อเสนอและเงื่อนไขในสัญญา
สำหรับรูปแบบรับเหมา
| หัวข้อ | รายละเอียดที่ควรมี |
| ขอบเขตการปฏิบัติงาน | มีการระบุขอบเขตปฏิบัติงานครบถ้วนตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการบำรุงรักษา |
| Price | ผู้รับเหมาแนบรายการวัสดุและค่าแรงเพื่อให้ผู้ว่าจ้างพิจารณาปรับเปลี่ยนได้ |
| เงื่อนไขการชำระเงิน | มีเงื่อนไขที่เหมาะสมในการชำระ เช่นการวางมัดจำ ค่าอุปกรณ์ จ่ายหลังจากตรวจรับ เป็นต้น |
| รายการเอกสารส่งมอบ | มีเอกสารชัดเจน เช่น รายงานตรวจรับงาน คู่มือการใช้งาน หนังสือรับประกันแบบ As-Built หรือแบบที่ตรงกับของที่ติดตั้งจริง |
| มาตรการกำกับการก่อสร้าง | กำหนดระยะเวลาดก่อสร้างชัดเจน มีค่าปรับในกรณีที่งานล่าช้าจากตัวผู้รับเหมา มีคนคอยควบคุมงาน |
| การรับประกันงานติดตั้ง | รับประกันงานติดตั้งไม่ต่ำกว่า 2 ปี และควรมีการวางหลักประกันหรือเงินประกันผลงาน |
| การรับประกันอุปกรณ์หลัก |
|
| การติดตั้งอุปกรณ์วัดประสิทธิภาพ | มีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับวัดประสิทธิภาพของระบบในรูปของ Performance Ratio (PR) รวมถึงระบบคำนวณประสิทธิภาพของระบบโซลาร์แบบเรียลไทม์ |
| การรับประกันประสิทธิภาพระบบ | มีการรับประกันไม่ต่ำกว่า 2 ปี มีค่าปรับหากไม่เป็นไปตามที่รับประกัน |
| บริการบำรุงรักษาฟรีไม่ต่ำว่า 2 ปี | ควรมีระยะเวลา 2 ปีขึ้นไป |
สำหรับรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟ
| หัวข้อ | รายละเอียดที่ควรมี |
| ขอบเขตการปฏิบัติงาน | มีการระบุขอบเขตปฏิบัติงานครบถ้วนตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการบำรุงรักษา |
| Price | ข้อเสนอส่วนลดค่าไฟที่เหมาะสม โดยปกติส่วนลดจะน้อยลง หากต้นทุนในการก่อสร้างมากขึ้น ส่วนลดค่าไฟโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25 – 40% สำหรับงานก่อสร้างที่ไม่ซับซ้อน |
| อายุสัญญาและการโอนทรัพย์สิน | สัญญามีกรอบระยะเวลาชัดเจน และมีการโอนทรัพย์สินให้เป็นของผู้ใช้ไฟเมื่อครบกำหนดสัญญา |
| รายการเอกสารส่งมอบ | มีเอกสารชัดเจน เช่น รายงานตรวจรับงาน คู่มือการใช้งาน หนังสือรับประกันแบบ As-Built ใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง และจัดอบรมแนวทางการดูแลรักษาระบบ |
| มาตรการกำกับการก่อสร้าง | กำหนดระยะเวลาดก่อสร้างชัดเจน มีค่าปรับในกรณีที่งานล่าช้าจากตัวผู้รับเหมา มีคนคอยควบคุมงาน |
| การติดตั้งอุปกรณ์วัดประสิทธิภาพ | มีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับวัดประสิทธิภาพของระบบในรูปของ Performance Ratio (PR) รวมถึงระบบคำนวณประสิทธิภาพของระบบโซลาร์แบบเรียลไทม์ |
| การรับประกันประสิทธิภาพระบบ | มีการรับประกันไม่ต่ำกว่า 2 ปี มีค่าปรับหากไม่เป็นไปตามที่รับประกัน |
7. วางแผนทางการเงิน
- เงินสด – ไม่มีดอกเบี้ย แต่ใช้เงินก้อนทันที อาจพลาดโอกาสลงทุนอื่น
- เงินกู้ – รักษาเงินสดไว้ได้ แต่มีดอกเบี้ยและขั้นตอนกู้ยาก
- สัญญาซื้อขายไฟ (Private PPA) – ไม่ต้องลงทุนเองเลย แต่มีข้อผูกมัดระยะยาว
8. วางมาตรฐานและความปลอดภัย
- แบบและอุปกรณ์ต้องได้มาตรฐาน
- ผู้ออกแบบและควบคุมงานต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
- ต้องออกแบบตามมาตรฐาน วสท. และการไฟฟ้า
- เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เช่น Tier 1, ISO และมีประกัน
- ระบบต้องปลอดภัย
- อินเวอร์เตอร์ต้องตรวจจับไฟรั่วได้
- ถ้าติดตั้งเกิน 250 kW ต้องมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ (Rapid shutdown หรือ Optimizer)
- ถ้าเป็นโรงมหรสพหรือปั๊มน้ำมัน ต้องเดินสายและติดตั้งพิเศษตามกฎหมาย
- แผงโซลาร์ต้องออกแบบให้ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (IEC)
9. ยื่นขออนุญาต
- ยื่นแบบและเอกสารต่อการไฟฟ้าและหน่วยงานท้องถิ่น
- หากมีสิทธิ BOI ต้องดำเนินการในขั้นตอนนี้
10. เริ่มก่อสร้างและบำรุงรักษา
- กำกับดูแลงานติดตั้งให้ได้คุณภาพ
- หลังติดตั้งเสร็จ ต้องมีแผนตรวจสอบและดูแลระบบระยะยาว
ระยะเวลาโดยประมาณ
ขั้นตอนการติดตั้ง
และการวางแผน
1. เลือกรูปแบบการติดตั้งและประเภทสัญญา
2. ประเมินกำลังติดตั้ง (System Sizing)
3. ประเมินความคุ้มทุน
4. เลือกผู้รับเหมาติดตั้ง
5. การสำรวจหน้างาน
6. ตรวจสอบข้อเสนอและเงื่อนไขในสัญญา
7. วางแผนทางการเงิน
8. วางมาตรฐานและความปลอดภัย
9. ยื่นขออนุญาต
10. เริ่มก่อสร้างและบำรุงรักษา
ระยะเวลาโดยประมาณ
